แจกฟรี สรุปพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553
รวบรวมเนื้อหาและสรุปเป็นรายมาตรา สำหรับผู้ที่กำลังสมัรสอบงานราชการ ข้าราชการ พนักงานราชการ หน่วยงานต่างๆ
มาตรา 1 ชื่อพระราชบัญญัตินี้ว่า “พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534”
มาตรา 2 ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ยกเลิกกฎหมายเดิมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 9 ฉบับ
มาตรา 3/1 การบริหารราชการต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน มีผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ มีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า ลดขั้นตอน ลดภารกิจ กระจายภารกิจและทรัพยากรให้ท้องถิ่น กระจายอำนาจตัดสินใจ อำนวยความสะดวก และตอบสนองความต้องการของประชาชน โดยมีผู้รับผิดชอบ
มาตรา 4 จัดระเบียบบริหารราชการแผ่นดินเป็น 3 ส่วน คือ
ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง
ระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค
ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น
มาตรา 5 การแบ่งราชการต้องกำหนดตำแหน่งและอัตราเงินเดือนโดยคำนึงถึงคุณภาพและปริมาณงาน
มาตรา 6 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา 7 จัดระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง เป็น 4 ส่วน คือ
สำนักนายกรัฐมนตรี (มีฐานะเป็นกระทรวง)
กระทรวง หรือทบวงที่มีฐานะเทียบเท่ากระทรวง
ทบวง ซึ่งสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีหรือกระทรวง
กรม หรือส่วนราชการอื่นที่มีฐานะเป็นกรม (ซึ่งอาจสังกัดหรือไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง)
มาตรา 8 การจัดตั้ง การรวม หรือการโอนส่วนราชการตามมาตรา 7 ให้ตราเป็นพระราชบัญญัติ
มาตรา 8 ทวิ การรวมหรือการโอนส่วนราชการ หากไม่มีการกำหนดตำแหน่งหรืออัตราข้าราชการหรือลูกจ้างเพิ่มขึ้น ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 8 ตรี การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 8 จัตวา การยุบส่วนราชการ ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 8 เบญจ พระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 8 ทวิ หรือมาตรา 8 จัตวา ต้องระบุให้ชัดเจนว่าแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกบทบัญญัติใดของกฎหมาย
มาตรา 8 ฉ การแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานรัฐมนตรี กรม หรือส่วนราชการอื่น ให้ออกเป็นกฎกระทรวง
มาตรา 8 สัตต ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณร่วมกันเสนอความเห็นต่อ ครม. ในการแบ่งส่วนราชการภายใน
มาตรา 8 อัฏฐ การแบ่งส่วนราชการภายในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันในทบวงมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยมหาวิทยาลัยหรือสถาบันนั้น
มาตรา 9 การจัดระเบียบราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 10 อำนาจหน้าที่ของสำนักนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 11 นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่
กำกับการบริหารราชการแผ่นดินทั่วไป
มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีกำกับการบริหารราชการ
บังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่ง
สั่งให้ข้าราชการจากส่วนราชการอื่นมาปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีได้
แต่งตั้งข้าราชการจากส่วนราชการหนึ่งไปดำรงตำแหน่งในอีกส่วนราชการหนึ่งได้
แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ปรึกษาได้
แต่งตั้งข้าราชการการเมืองให้ปฏิบัติราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีได้
วางระเบียบปฏิบัติราชการ
ดำเนินการอื่น ๆ ในการปฏิบัติตามนโยบาย
มาตรา 12 นายกรัฐมนตรีอาจมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนได้
มาตรา 13 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 14 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 15 อาจมีส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีได้ตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 16 สำนักนายกรัฐมนตรีมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมราชการประจำ
มาตรา 17 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของสำนักนายกรัฐมนตรี
มาตรา 18 จัดระเบียบราชการของกระทรวง เป็น 3 ส่วน คือ
สำนักงานรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดกระทรวง
กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น (อาจไม่แยกเป็นกรมก็ได้)
มาตรา 19 กระทรวงมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 19/1 ปลัดกระทรวง หัวหน้ากลุ่มภารกิจและหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับกรมขึ้นไป ต้องวางแผนและประสานกิจกรรมให้มีการใช้ทรัพยากรร่วมกัน
มาตรา 20 กระทรวงหนึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 21 กระทรวงหนึ่งมีปลัดกระทรวงคนหนึ่งมีอำนาจหน้าที่ ดังนี้
รับผิดชอบควบคุมราชการประจำในกระทรวง
เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการของส่วนราชการในกระทรวงรองจากรัฐมนตรี
เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการในสำนักงานปลัดกระทรวง
มาตรา 22 สำนักงานรัฐมนตรีมีเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 23 สำนักงานปลัดกระทรวงมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของกระทรวง
มาตรา 24 การจัดระเบียบราชการในทบวงซึ่งมีฐานะเทียบเท่ากระทรวงให้อนุโลมตามการจัดระเบียบราชการของกระทรวง
มาตรา 25 การจัดระเบียบราชการในทบวง ให้เป็นดังนี้
สำนักงานรัฐมนตรี
สำนักงานปลัดทบวง
กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น (อาจไม่แยกเป็นกรมก็ได้)
มาตรา 26 การจัดระเบียบราชการในทบวง ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 27 ทบวงหนึ่งมีรัฐมนตรีว่าการทบวงเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 28 ทบวงหนึ่งมีปลัดทบวงเป็นผู้รับผิดชอบควบคุมราชการประจำ
มาตรา 29 สำนักงานรัฐมนตรีมีเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 30 สำนักงานปลัดทบวงมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของทบวง
มาตรา 31 กรมอาจแบ่งส่วนราชการดังนี้
สำนักงานเลขานุการกรม
กอง หรือส่วนราชการที่มีฐานะเทียบกอง (อาจไม่แยกเป็นกองก็ได้)
มาตรา 32 กรมมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวง
มาตรา 33 สำนักงานเลขานุการกรมมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับราชการทั่วไปของกรม
มาตรา 34 กระทรวง ทบวง กรมใดมีเหตุพิเศษ อาจตราพระราชกฤษฎีกาแบ่งท้องที่ออกเป็นเขตเพื่อให้มีหัวหน้าส่วนราชการประจำเขตก็ได้
มาตรา 35 กระทรวง ทบวง หรือกรมใด อาจมีผู้ตรวจราชการของกระทรวง ทบวง หรือกรมนั้น ก็ได้
มาตรา 36 ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรม อาจมีเลขาธิการ ผู้อำนวยการ หรือตำแหน่งอื่นที่เทียบเท่าปลัดกระทรวงหรืออธิบดีเป็นผู้บังคับบัญชา
มาตรา 37 ให้นำความในมาตรา 31, 32, 33, 34 และ 35 มาใช้บังคับแก่ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นและมีฐานะเป็นกรมโดยอนุโลม
หมวด 5 การปฏิบัติราชการแทน
มาตรา 38 ผู้ดำรงตำแหน่งใดอาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นปฏิบัติราชการแทนได้ ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
มาตรา 39 ผู้รับมอบอำนาจมีหน้าที่ต้องรับมอบอำนาจนั้น
มาตรา 40 ในการมอบอำนาจต้องพิจารณาถึงการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ความรวดเร็วในการปฏิบัติราชการ และผู้รับมอบอำนาจต้องปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
มาตรา 40/1 ส่วนราชการภายในกรม อาจแยกการปฏิบัติราชการไปจัดตั้งเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษก็ได้
มาตรา 41 กรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 42 กรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 43 กรณีที่ไม่มีเลขานุการรัฐมนตรี ให้ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 44 กรณีที่ไม่มีปลัดกระทรวง ให้รองปลัดกระทรวงเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 45 ให้นำความในมาตรา 44 มาใช้บังคับกับปลัดทบวงและรองปลัดทบวงด้วย
มาตรา 46 กรณีที่ไม่มีอธิบดี ให้รองอธิบดีเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 47 กรณีที่ไม่มีเลขานุการกรมหรือหัวหน้าส่วนราชการ ให้อธิบดีแต่งตั้งข้าราชการในกรมเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 48 ผู้รักษาราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน
มาตรา 49 การเป็นผู้รักษาราชการแทนไม่กระทบกระเทือนอำนาจของผู้บังคับบัญชา
มาตรา 50 ความในหมวดนี้ไม่ใช้บังคับแก่ราชการในกระทรวงที่เกี่ยวกับทหาร
มาตรา 50/1 นิยาม “คณะผู้แทน” และ “หัวหน้าคณะผู้แทน”
มาตรา 50/2 หัวหน้าคณะผู้แทนเป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี
มาตรา 50/3 กรณีที่ไม่มีหัวหน้าคณะผู้แทน ให้รองหัวหน้าคณะผู้แทนรักษาราชการแทน
มาตรา 50/4 อำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะผู้แทน
มาตรา 50/5 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง รัฐมนตรีว่าการทบวง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดี อาจมอบอำนาจให้หัวหน้าคณะผู้แทนปฏิบัติราชการแทนได้
มาตรา 50/6 การมอบอำนาจหรือมีคำสั่งใดที่เกี่ยวข้องไปยังหัวหน้าคณะผู้แทน ให้แจ้งผ่านกระทรวงการต่างประเทศ
มาตรา 51 จัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาค เป็น 2 ส่วน คือ
จังหวัด
อำเภอ
มาตรา 52 ให้รวมท้องที่หลายอำเภอตั้งเป็นจังหวัด
มาตรา 52/1 อำนาจหน้าที่ของจังหวัด
มาตรา 53 ในจังหวัดหนึ่งให้มีคณะกรมการจังหวัด ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 53/1 ให้จังหวัดจัดทำแผนพัฒนาจังหวัด
มาตรา 53/2 ให้นำความในมาตรา 53/1 มาใช้บังคับกับการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดด้วย
มาตรา 54 ในจังหวัดหนึ่งให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นผู้รับนโยบายและคำสั่งจากนายกรัฐมนตรี
มาตรา 55 ในจังหวัดหนึ่ง นอกจากจะมีผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีปลัดจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด
มาตรา 55/1 ในจังหวัดหนึ่งนอกจากกรุงเทพมหานคร ให้มีคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด
มาตรา 56 กรณีที่ไม่มีผู้ว่าราชการจังหวัด ให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 57 อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
มาตรา 58 การยกเว้น จำกัด หรือตัดทอน อำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ตราเป็นพระราชบัญญัติ
มาตรา 59 ให้นำความในมาตรา 48 และ 49 มาใช้บังคับแก่ผู้รักษาราชการแทนและผู้ปฏิบัติราชการแทน
มาตรา 60 ให้แบ่งส่วนราชการของจังหวัดดังนี้
สำนักงานจังหวัด
ส่วนต่าง ๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้น
มาตรา 61 ในจังหวัดหนึ่งให้มีหน่วยราชการบริหารรองจากจังหวัดเรียกว่าอำเภอ
มาตรา 61/1 อำนาจหน้าที่ของอำเภอ
มาตรา 61/2 ในอำเภอหนึ่งให้มีคณะบุคคลผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท
มาตรา 61/3 บรรดาความผิดที่มีโทษทางอาญาที่เกิดขึ้นในเขตอำเภอ หากเป็นความผิดอันยอมความได้ อาจไกล่เกลี่ยได้
มาตรา 62 ในอำเภอหนึ่งมีนายอำเภอคนหนึ่งเป็นหัวหน้า
มาตรา 63 ในอำเภอหนึ่ง นอกจากจะมีนายอำเภอ ให้มีปลัดอำเภอและหัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอ
มาตรา 64 กรณีที่ไม่มีนายอำเภอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งปลัดอำเภอ หรือหัวหน้าส่วนราชการประจำอำเภอเป็นผู้รักษาราชการแทน
มาตรา 65 อำนาจหน้าที่ของนายอำเภอ
มาตรา 66 ให้แบ่งส่วนราชการของอำเภอดังนี้
สำนักงานอำเภอ
ส่วนต่าง ๆ ซึ่งกระทรวง ทบวง กรม ได้ตั้งขึ้นในอำเภอนั้น
มาตรา 67 ให้นำความในมาตรา 48 และ 49 มาใช้บังคับแก่ผู้รักษาราชการแทนและผู้ปฏิบัติราชการแทน
มาตรา 68 การจัดการปกครองอำเภอ นอกจากที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้ ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องที่
มาตรา 69 ท้องถิ่นใดที่เห็นสมควรจัดให้ราษฎรมีส่วนในการปกครองท้องถิ่น ให้จัดระเบียบการปกครองเป็นราชการส่วนท้องถิ่น
มาตรา 70 จัดระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น ดังนี้
องค์การบริหารส่วนจังหวัด
เทศบาล
สุขาภิบาล
ราชการส่วนท้องถิ่นอื่นตามที่มีกฎหมายกำหนด
มาตรา 71 การจัดระเบียบการปกครององค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล สุขาภิบาล และราชการส่วนท้องถิ่นอื่น ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
มาตรา 71/1 ให้มีคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)
มาตรา 71/2 คุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 71/3 วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
มาตรา 71/4 กรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา 71/5 กรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ
มาตรา 71/6 วาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับแต่งตั้งแทน
มาตรา 71/7 การประชุม ก.พ.ร.
มาตรา 71/8 การปฏิบัติหน้าที่และค่าตอบแทนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ต้องทำงานเต็มเวลา
มาตรา 71/9 ให้มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
มาตรา 71/10 อำนาจหน้าที่ของ ก.พ.ร.
มาตรา 72 คำว่า “ทบวงการเมือง” ให้หมายถึงกระทรวง ทบวง กรม
มาตรา 73 พระราชกฤษฎีกาและประกาศของคณะปฏิวัติเกี่ยวกับการจัดระเบียบราชการ ให้คงใช้บังคับได้ต่อไป
มาตรา 74 พระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการภายใน ให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสิ้นภายในสองปี
มาตรา 75 บทบัญญัติใดอ้างถึงประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 218 ให้ถือว่าอ้างถึงพระราชบัญญัตินี้
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 15 เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 15 เพื่อกำหนดให้เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการและรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการ ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
เพิ่มเติมมาตรา 8 ทวิ, 8 ตรี, 8 จัตวา และ 8 เบญจ เกี่ยวกับการรวม โอน ยุบเลิก และเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8 และ 31 เกี่ยวกับการแบ่งส่วนราชการภายใน
เพิ่มเติมมาตรา 3/1 เกี่ยวกับหลักการบริหารราชการ
เพิ่มเติมส่วนที่ 4 คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (มาตรา 71/1 ถึง 71/10)
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 8, 10, 15, 16, 18, 19, 20, 21, 32 และ 38
เพิ่มเติมหมวด 7 การบริหารราชการในต่างประเทศ (มาตรา 50/1 ถึง 50/6)
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 53 ในส่วนของชื่อกรมตำรวจและตำแหน่งของข้าราชการตำรวจในกรมการจังหวัด ให้สอดคล้องกับการจัดตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพิ่มเติมมาตรา 52/1, 53/1, 53/2, 61/1, 61/2 และ 61/3 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของจังหวัด อำเภอ และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 10, 18, 20, 21, 38, 40, 53, 57 และ 71/1
กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี
แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 31 วรรคสาม เพื่อให้การแบ่งส่วนราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
e-mail : servicesheet88@gmail.com
Facebook Page : ข่าวสารงานราชการ
Line : @SHEET888
Tel. : 091-8641493
Sheet88.com Copyright © 2023 All Right Reserved